ໂດຍເວັບໄຊຂອງປະເທດໄທໄດ້ໂພສກ່ຽວກັບເຫດການນິ້ວ່າ
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ 2 สาวถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม โดยนำศพมาทิ้งไว้ภายใสป่าละเมาะระหว่างหมู่บ้านกุดหว้า-หนองห้าง ในเขตตำบลหนองห้าง อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเมื่อวานนี้ แพทย์ชันสูตรไม่สามารถระบุได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากอะไรจึงต้องนำศพผ่าพิสูจน์ยังสถานบันนิติเวชขอนแก่น แต่ในที่เกิดเหตุพบซิมโทรศัพท์และโทรศัพท์ พร้อมธนบัตรเงินสกุลลาว
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 2 กันยายน พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้พ.ต.อ.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ประสิทธิ์ จำปาทุม ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ พ.ต.ท.ศักดินันท์ มูลมณี รองผกก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.อุทัย เพ็งธรรม รองผกก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์พ.ต.ท.ชัชชัย ไหมวันทา สว.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.ประชาชาติ ใจคง สว.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ร.ต.อ.ณัฐพงษ์ บึงบัว รองสว.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.กุฉินารายณ์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเฉพาะกิจภ.จว.กาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ได้ประชุมและวางแนวทางการสืบสวน พร้อมเข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในสถานที่เกิดเหตุบริเวณป่าละเมาะระหว่างหมู่บ้านกุดหว้า-หนองห้าง ในเขต ต.หนองห้าง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
จากการตรวจสอบอย่างละเอียดเจ้าหน้าที่พบรอยล้อรถเป็นทางยาวตั้งแต่ถนนระหว่างหมู่บ้านกุดหว้า-หนองห้าง เข้าไปในป่าจนถึงจุดที่พบศพ คาดว่าน่าจะเป็นรถของคนร้าย นอกจากนี้ยังพบรอยลากศพเข้าไปในป่าอีกด้วย เบื้องต้นสันนิฐานว่าผู้ตายทั้งสองคนน่าจะถูกฆ่าตายจากที่อื่นแล้วนำศพมาทั้งไว้ในป่าดังกล่าว คาดว่าคนร้ายมีไม่ต่ำกว่า 2-3 คน และน่าจะรู้จักกับคนตายและรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี เพราะจุดที่ทิ้งศพเป็นบริเวณปลอดคน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญโดยเฉพาะหลักฐานในที่เกิดเหตุโทรศัพท์และซิมการ์ดโทรศัพท์ ซึ่งสามารถติดต่อกลับไปยังประเทศลาว ปรากฏว่า มีผู้อ้างตัวว่าเป็นญาติของผู้เสียชีวิตทั้งสองคน และจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นศพของญาติตัวเองหรือไม่ในบ่ายวันนี้
นางกองคำ อายุ 40 ปี และนางอี๊ด อายุ 26 ปี ผู้เสียชีวิต
พ.ต.อ.ทินณะรัตน์กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรอยล้อรถและรอยลากศพเข้าไปทิ้ง และที่สำคัญพบโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือในที่เกิดเหตุ โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถติดต่อญาติผู้ตายทั้งสองคนได้แล้ว ซึ่งเป็นชาวแขวงไซบุรี สปป.ลาว เบื้องต้นทราบเพียงชื่อเล่นว่านางกองคำ อายุ 40 ปี และนางอี๊ด อายุ 26 ปี ซึ่งทั้งสองเป็นชาวสปป.ลาว แต่ยังรอการยืนยันพิสูจน์ตัวบุคคล และรอการยืนยันจากญาติ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจ
พ.ต.อ.ทินณะรัตน์กล่าวว่า ส่วนแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ 3 ประเด็น คือเรื่องชู้สาว การหักหลังธุรกิจผิดกฎหมาย และพัวพันกับยาเสพติด ทั้งนี้จากเท่าที่สอบถามจากบุคคลที่อยู่ประเทศลาวที่อ้างตัวว่าเป็นญาติแจ้งว่า บุคคลทั้งสองได้เข้ามาในประเทศไทยได้ประมาณ 8-9 วันแล้ว จากนั้นก็ขาดการติดต่อ และก็ไม่ได้บอกว่าจะเข้ามาด้วยสาเหตุอะไร อย่างไรก็ตามหากญาติเข้ามาจริง ตำรวจก็จะได้แจ้งไปทางกงสุลลาว เข้ามาร่วมตรวจสอบและยืนยันศพต่อไป
พล.ต.ต.อภิชิต เทียนเพิ่มพูล ผบก.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งชุดสืบสวนเฉพาะกิจเข้าคลี่คลายคดีนี้ ประกอบด้วยชุดสืบสวนสภ.กุฉินารายณ์ ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และเชื่อว่าภายหลังจากการตรวจสอบโทรศัพท์ จะสามารถเชื่อมโยงไปยังกลุ่มคนร้ายได้ แต่คงต้องใช้เวลา โดยเฉพาะการผ่าพิสูจน์ศพว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากอะไร และเชื่อว่าปมที่ตั้งเอาไว้อาจจะเป็นคนในพื้นที่หรือนอกพื้นที่ ที่ลวงหญิงสาวสองคนมาฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมสภ.กุฉินารายณ์ นายบัวไล แสนศักดา อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของน.ส.จันทร์สมร หรืออีส อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต และนายเชย พี่ชายของนางกองคำ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตอีกคน พร้อมญาติพี่น้อง ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวเมืองไซบุรี แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เดินทางเข้ายืนยันว่าทั้งสองคนเป็นญาติและให้ปากคำกับ พ.ต.อ.ประสิทธิ์ จำปาทุม ผกก.สภ.กุฉินารายณ์
นายบัวไล แสนศักดา อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของน.ส.จันทร์สมร กล่าวว่า น.ส.จันทร์สมรได้ออกมาจากบ้านมาตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยบอกว่าจะข้ามฝั่งเข้ามาเที่ยวตลาดเทศบาล 1 ที่จ.มุกดาหาร ซึ่งขี่รถจยย.มาจอดไว้ที่ด่าน และขออาศัยขึ้นรถตู้ของชาวบ้านที่มาส่งคนป่วยพร้อมกับนางกองคำ เพื่อมาเที่ยวตลาด จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งญาติต่างออกตามหาแต่ก็ไม่พบ กระทั่งมาทราบข่าวว่าถูกฆ่าตายแล้วนำศพมาทิ้งไว้ในป่าใน จ.กาฬสินธุ์
ทั้งนี้ปกติ น.ส.จันทร์สมร จะสวมใส่สร้อยคอทองคำไว้ที่คอ 1 เส้น และแหวนทอง 1 วง แต่จากการตรวจสอบสภาพศพพบเพียงแหวนทอง ส่วนสร้อยคอหายไป อย่างไรก็ตามรายงานข่าวแจ้งว่าผลการชันสูตรศพของนางกองคำ และนางสาวจันทร์สมรเบื้องต้นมีร่องรอยถูกอาวุธปืนยิงที่ศีรษะคนละ 1 นัด และมีกระสุนฝังที่ศีรษะของนางกองคำอีกด้วย
พ.ต.อ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับการยืนยันจากญาติแล้วว่าทั้งสองศพคือนางกองคำ และนางสาวจันทร์สมร ซึ่งเป็นชาวเมืองไซบุรี แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ส่วนแนวทางการสืบสวนขณะนี้นอกจากจะพุ่งเป้าจากประเด็นชู้สาว ขัดแย้งธุรกิจมืด ยาเสพติดแล้ว ยังเพิ่มประเด็นการฆ่าชิงทรัพย์ด้วย เนื่องจากญาติผู้ตายยืนยันว่าทรัพย์สิน ซึ่งเป็นสร้อยคอทองทำของนางสาวจันทร์สมรหายไป
ส่วนผลการชันสูตรของแพทย์นั้นพบว่านางกองคำและนางสาวจันทร์สมรมีรอยกระสุนปืนขนาด .38 ถูกยังที่บริเวณศีรษะคนละ 1 นัด และของนางกองคำยังพบหัวกระสุนอีกด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้ชุดสืบสวนทั้งหมด 3 ทีม กำลังเร่งไล่ล่าตัวคนร้าย คาดว่าน่าจะทราบตัวกลุ่มคนร้ายในเร็วๆนี้
ທີ່ມາຂອງຂ່າວ : ຂ່າວສົດ khaosod